- Home
- นโยบายความเป็นส่วนตัว
ประกาศ
นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและแนวปฏิบัติ
นโยบายฉบับนี้จัดทําขึ้นเพื่อให้บุคลากรของบริษัท คู่ค้า ลูกค้า ผู้มาติดต่องานหรือบุคคลภายนอกที่เกี่ยวข้อง ได้ทราบและเข้าใจนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ที่บริษัทได้เก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และเก็บข้อมูลส่วนบุคคล ข้างต้น
บริษัท ผลธัญญะ จํากัด (มหาชน) (“บริษัท”) ได้ตระหนักถึงความสําคัญของข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อให้เป็นไป ตามที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ในการรับรองสิทธิของข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับการ คุ้มครองในเรื่องการเก็บรวบรวมและเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ที่ทําการเก็บรวบรวม และประมวลผลข้อมูล โดย ประกาศฉบับนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อแจ้งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบถึงวัตถุประสงค์และรายละเอียดของการเก็บ รวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ตลอดจนสิทธิ์ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อ รับทราบและทําความเข้าใจในวัตถุประสงค์ของบริษัท
คํานิยาม
“บริษัท” หมายถึง บริษัท ผลธัญญะ จํากัด (มหาชน) รวมถึงบริษัทย่อยที่อยู่ในอํานาจควบคุม
“บุคลากรของบริษัท” หมายถึง กรรมการ พนักงาน ลูกจ้าง ของบริษัท ผลธัญญะ จํากัด (มหาชน) และบริษัทย่อย และ/หรือ บริษัทที่อยู่ในอํานาจควบคุม
“ลูกค้า” หมายถึง บุคคลทั่วไป องค์กร บริษัท ห้างร้าน นิติบุคคล รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานภาครัฐ ที่ซื้อสินค้า และ หรือ ใช้บริการของบริษัท
“คู่ค้า” หมายถึง บริษัท ห้างร้านนิติบุคคล และบุคคล ที่ซื้อ-ขายสินค้าหรือบริการให้กับบริษัท
“ผู้มาติดต่องาน หมายถึง บุคคลภายนอกที่เข้ามาติดต่องาน มาเยี่ยมชม หรือ มาตรวจสอบใด ๆ กับบริษัทฯที่ นอกเหนือจากการซื้อ – ขายสินค้าบริการ
“ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทําให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือ ทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรม ตัวอย่างของข้อมูลส่วนบุคคล เช่น
- ชื่อ-นามสกุล หรือชื่อเล่น
- เลขประจําตัวประชาชน เลขหนังสือเดินทาง เลขบัตรประกันสังคม เลขใบอนุญาตขับขี่ เลขประจําตัว ผู้เสียภาษี เลขบัญชีธนาคาร เลขบัตรเครดิต
- ที่อยู่ อีเมล หมายเลขโทรศัพท์
- ข้อมูลอุปกรณ์สําหรับการใช้งานเครือข่ายหรือเครื่องมือ เช่น IP address, MAC address และ Cookie ID เป็นต้น
- ข้อมูลทางชีวมิติ (Biometric) เช่น ภาพใบหน้า ลายนิ้วมือ ฟิล์มเอกซเรย์ ข้อมูลสแกนม่านตา ข้อมูล อัตลักษณ์เสียง รวมถึงข้อมูลทางพันธุกรรม เป็นต้น
- ข้อมูลระบุทรัพย์สินของบุคคล เช่น ทะเบียนรถ และโฉนดที่ดิน เป็นต้น
ข้อมูลที่สามารถเชื่อมโยงไปยังข้อมูลข้างต้นได้ เช่น วันเกิดและสถานที่เกิด เชื้อชาติ สัญชาติ น้ําหนัก ส่วนสูง ข้อมูลตําแหน่งที่อยู่ (Location) ข้อมูลการแพทย์ ข้อมูลการศึกษา ข้อมูลทางการเงิน และข้อมูลการจ้างงาน เป็นต้น
ข้อมูลการประเมินผลการปฏิบัติงานหรือความเห็นของนายจ้างต่อการทํางานลูกจ้าง
ข้อมูลบันทึกที่ใช้ติดตามตรวจสอบกิจกรรมต่างๆ ของบุคคล เช่น บันทึกข้อมูลการใช้งาน ( Log file) เป็นต้น
ข้อมูลที่สามารถใช้ในการค้นหาข้อมูลส่วนบุคคลอื่นทางอินเตอร์เน็ต
“ข้อมูล” หมายถึง สิ่งที่สื่อความหมายให้รู้เรื่องราวข้อเท็จจริง ข้อมูล หรือสิ่งใดๆ ไม่ว่าการสื่อความหมายนั้นจะ ทําได้โดยสภาพของสิ่งของนั้นเองหรือผ่านวิธีการใดๆ และไม่ว่าจะได้จัดทําไว้ในรูปของเอกสาร แฟ้ม รายงาน หนังสือ แผนผัง แผนที่ ภาพถ่าย ภาพวาด การบันทึกเสียง การบันทึกโดยเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ วิธีอื่นใดที่ทําให้สิ่งที่บันทึกไว้ปรากฏได้
“ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว” (Sensitive Data) หมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งาน ที่เกี่ยวกับ เชื้อชาติ เผ่าพันธ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อลัทธิ ศาสนา หรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ พันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ ข้อมูลภาพจําลองใบหน้า ม่านตาหรือลายนิ้วมือ ข้อมูลสหภาพ แรงงาน หรือข้อมูลอื่นใดซึ่งคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่นบุคคลได้ประกาศให้เป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความ อ่อนไหว
“ผู้ควบคุมข้อมูล” หมายถึง บริษัทผลธัญญะ จํากัด (มหาชน)
“ผู้ประมวลผลข้อมูล” หมายถึง บุคคลผู้ประมวลผลข้อมูลเพื่อประโยชน์หรือในนามของผู้ควบคุมข้อมูล
“บุคคล” หมายถึง บุคคลธรรมดา ซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามนโยบายฉบับนี้
“เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล” (Data Protection Officer: DPO) หมายถึง ผู้ที่ได้รับมอบหมายให้มีหน้าที่ ให้คําแนะนําและตรวจสอบการดําเนินงาน ประสานงาน และให้ความร่วมมือกับสํานักงานคณะกรรมการคุ้มครอง ข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง
นโยบายและแนวปฏิบัติ
1. การเก็บรวบรวม การใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทมีการเก็บรวบรวม การใช้ การจัดเก็บ และการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล โดยให้ ความสําคัญอย่างยิ่งถึงความถูกต้อง ครบถ้วน และเป็นปัจจุบันของข้อมูลด้วยวิธีการที่ชอบด้วยกฎหมายและเป็นธรรม บริษัทมีการจัดเก็บข้อมูลเท่าที่จําเป็นในการให้บริการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงการดําเนินงานในด้านอื่นๆ ตามอํานาจหน้าที่และวัตถุประสงค์ในการดําเนินงานของบริษัทซึ่งเป็นไปตามที่กฎหมายกําหนดเท่านั้น โดยบริษัท จะแจ้งให้เจ้าของข้อมูลทราบและขอความยินยอมก่อนเก็บรวบรวม ใช้และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้น เว้นแต่เป็นกรณี ที่กฎหมายกําหนด และหรือในกรณีอื่นๆ ตามที่กําหนดไว้ในนโยบายฉบับนี้
บริษัท อาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลผ่านหลายช่องทาง ดังต่อไปนี้
1.1 เก็บรวบรวม โดยตรงจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เช่น
1.1.1 การเก็บข้อมูลส่วนบุคคลจากการกรอกข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบกระดาษและ/หรือในรูปแบบออนไลน์
1.1.2 ข้อมูลที่เจ้าของข้อมูล ลงทะเบียนไว้กับบริษัท ในการติดต่อสอบถาม สร้างบัญชีผู้ใช้งาน การสั่งซื้อสินค้าจากเว็บไซต์ ให้ข้อเสนอแนะ หรือ คําติชมเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการผ่านเว็บไซต์ ลงทะเบียนเพื่อรับ ข่าวสารหรือเข้าร่วมกิจกรรมที่บริษัทจัดขึ้น ซึ่งรวมถึงทางโซเชียลมีเดีย ฯลฯ ตัวอย่างข้อมูลส่วนตัวที่ ลงทะเบียนอาจหมายถึง ชื่อ-นามสกุล เพศ อายุ วันเดือนปีเกิด ที่อยู่ อีเมล เป็นต้น บริษัทอาจใช้ข้อมูล เหล่านี้ในการติดต่อ เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการ ของบริษัท
1.2. ข้อมูลจากโซเชียลมีเดีย
กรณีเจ้าของข้อมูลติดต่อบริษัท ผ่านทางโซเชียลมีเดีย ข้อมูลที่บริษัทเก็บรวบรวมอาจครอบคลุมถึงข้อมูล โปรไฟล์ จากโซเชียลมีเดียที่เจ้าของข้อมูล ใช้และอนุญาตให้เข้าถึงข้อมูลดังกล่าว อาทิ รูปโปรไฟล์ ที่อยู่อีเมล รายชื่อเพื่อน ซึ่งถือได้ว่าท่านอนุญาตให้บริษัท เข้าถึง เก็บรวบรวม และใช้ข้อมูลจากโซเชียลมีเดียนี้ได้ตามข้อกําหนดใน นโยบายความเป็นส่วนตัวนี้
1.3. ข้อมูลจากการใช้งานของเจ้าของข้อมูล
เมื่อเข้าใช้งานเว็บไซต์ของบริษัท บริษัทอาจเก็บข้อมูลจากการใช้งาน อาทิ รหัสของเครื่อง ที่อยู่ IP รวมถึง ข้อมูลตําแหน่งที่ตั้ง ข้อมูลบราวเซอร์ ภาษาที่เลือกใช้ วันเวลาและระยะเวลาที่เข้าใช้งาน ข้อมูลการซื้อสินค้า ความ ชื่นชอบและข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับวิถีทางการดําเนินชีวิต (Lifestyle) ได้แก่ งานอดิเรก กีฬาที่ชื่นชอบ เป็นต้น เพื่อ วิเคราะห์และทําความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้งาน และนําเสนอเว็บไซต์และข่าวสารต่างๆ ของบริษัท ให้สอดคล้องกับ ความต้องการ (ยกเว้นเจ้าของข้อมูลเลือกที่จะไม่รับข้อมูลข่าวสารจากบริษัท ) ข้อมูลเหล่านี้เป็นข้อมูลที่บริษัท เก็บ รวบรวมจากผู้ใช้งานทุกคน ไม่ว่าจะมีบัญชีผู้ใช้หรือมีการกรอกข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์นี้หรือไม่ก็ตาม บริษัทอาจจะ ได้รับข้อมูลส่วนบุคคลจากแหล่งอื่น หากเจ้าของข้อมูลได้ให้ความยินยอมในการเปิดเผยข้อมูลนั้น ในกรณีนี้จะรวมถึง ข้อมูลที่มาจากแหล่งการค้าอื่นๆ เช่น ฐานข้อมูลสาธารณะ และตัวแทนจัดหาข้อมูลรวมถึงข้อมูลจากบุคคลอื่นใด
2. วัตถุประสงค์และฐานในการประมวลผลข้อมูล
2.1 ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า คู่ค้า หรือผู้มาติดต่องาน
2.1.1 ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าที่จัดเก็บรักษา บริษัทจะนําไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
(1) นําเสนอข้อมูลสินค้าและบริการ การจัดกิจกรรมแข่งขันชิงรางวัล กิจกรรมส่งเสริมการขายตลอดจนการให้ข้อมูลข่าวสารต่างๆ ที่เจ้าของข้อมูลได้แจ้งความประสงค์ที่จะรับข้อมูล
(2) การตอบสนองต่อข้อซักถามและให้คําปรึกษา
(3) วิเคราะห์ประสิทธิภาพของสื่อโฆษณา การแข่งขัน และการส่งเสริมการขาย
(4) ปรับปรุง ปรับแต่งเว็บไซต์ตามความต้องการ รวมถึงการประเมินสถิติการเข้าเว็บไซต์ เช่น เวลาในการเยี่ยมชมร้านค้า ไม่ว่าเจ้าของข้อมูลจะเคยเยี่ยมชมมาก่อนหรือไม่ รวมถึงการเยี่ยมชมสาขา ของบริษัท
(5) ทําให้เว็บไซต์ใช้งานได้ง่ายขึ้น รวมถึง ปรับเว็บไซต์และสินค้าให้เหมาะสมกับความสนใจและความต้องการ
(6) พัฒนาคุณภาพสินค้าและบริการของบริษัท ตามข้อมูลและผลสํารวจทางการตลาด
(7) การให้การสนับสนุนและการบํารุงรักษาเกี่ยวกับสินค้า
(8) การออกใบรับรองการให้บริการตามการรับประกันสินค้า
(9) การให้บริการสมาชิกต่างๆ
(10) การให้บริการข้อมูล การจัดทําข้อมูลด้านสถิติ
(11) ตรวจสอบเพื่อวัตถุประสงค์ในการพัฒนาและปรับปรุง สินค้า กลยุทธ์ทางธุรกิจ
(12) การดําเนินงานของสัญญา
2.2 ข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับบุคลากรของบริษัท รวมถึง บริษัท คู่ค้าและบุคคลที่สาม บริษัทจะนําไปใช้เพื่อ วัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
(1) การสื่อสาร และ/หรือ การเจรจาทางธุรกิจ
(2) การจัดการข้อมูล และการประมวลผลข้อมูล อาทิ ข้อมูลเกี่ยวกับรายได้ การรับ จ่าย ชําระเงิน
(3) การทํางานที่เกี่ยวเนื่องจากสัญญาและงานที่ได้รับมอบหมาย
2.3 ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ถือหุ้น บริษัทจะนําไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
(1) การปฏิบัติต่อผู้ถือหุ้นตามกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง
2.4 ข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับการเข้าทํางานและการลาออก ของบุคลากรของบริษัท และผู้สมัครงาน
(1) เพื่อการจัดทําฐานข้อมูล และการเก็บประวัติ (รวมถึงการฝึกงาน)
(2) เพื่อพิสูจน์ตัวตน ตรวจสอบประวัติการศึกษา และประวัติการทํางาน
(3) เพื่อการจัดทําสวัสดิการ
(4) เพื่อประโยชน์ในการใช้สิทธิลดหย่อนภาษี
(5) เพื่อการติดต่อ ประเมินผล และบริหารความสัมพันธ์
(6) เพื่อการบริหารและจัดการความเสี่ยงต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
(7) เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย และกฎระเบียบ ตลอดจนแนวทางหรือข้อกําหนดต่างๆ ของหน่วยงานที่กํากับดูแลการดําเนินงานของบริษัท
(8) เพื่อการปฏิบัติตามระเบียบการดําเนินการภายในของบริษัท
(9) เพื่อการติดตาม ตรวจสอบประเมินผลการให้บริการของบริษัท และบริหารความสัมพันธ์ของบริษัท
การเก็บข้อมูลส่วนบุคคล คือ การเข้าถึงและเข้าใช้บริการในระบบโปรแกรมและเว็บไซต์ เช่น ระบบ โปรแกรมทางบัญชี การใช้เว็บไซต์ในการสมัครเป็นสมาชิกและไม่ได้เป็นสมาชิก เป็นต้น ซึ่งบริษัทจัดให้มีขึ้นเพื่อ วัตถุประสงค์ในการดําเนินงานของบริษัท การใช้สั่งซื้อสินค้า บริการ สอบถามข้อมูล ร้องเรียน แจ้งข้อเสนอแนะ รวมถึงเรื่องอื่นๆ ที่จําเป็น ตามที่เจ้าของข้อมูลต้องให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่ทําให้สามารถระบุตัวตนได้ เพื่อให้บริษัทได้ ดําเนินการให้สิทธิ หรือประโยชน์ สําหรับการเข้าใช้บริการตามเงื่อนไขที่ตกลงกัน รวมถึงพัฒนาคุณภาพสินค้าและ บริการ การจัดทําการตลาดเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย การประชาสัมพันธ์ ข้อมูลที่เป็น ประโยชน์เกี่ยวกับสินค้าและบริการ การทําวิจัย วิเคราะห์และการสํารวจตลาด การทําข้อมูลเชิงสถิติเพื่อนําเสนอสินค้า และบริการใหม่
การประมวลผลข้อมูล คือ บริษัทจะนําข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมาประมวลผลข้อมูล โดยดําเนินการเช่น การเก็บ บันทึก จัดระบบ จัดโครงสร้าง เก็บรักษา เปลี่ยนแปลงหรือปรับเปลี่ยน การรับ พิจารณา ใช้ เปิดเผยด้วยการ ส่งต่อ เผยแพร่ หรือกระทําอื่นใดเพื่อให้เกิดความพร้อมใช้งาน การจัดวางหรือผสมเข้าด้วยกัน การจํากัด การลบ หรือ การทําลาย ซึ่งจะประมวลผลข้อมูลภายใต้ฐานการประมวลผลข้อมูล ดังต่อไปนี้
(1) ฐานสัญญา (Contract) เมื่อเจ้าของข้อมูลสมัครเป็นสมาชิก หรือไม่ได้เป็นสมาชิก รวมถึงการใช้บริการด้านอื่นๆ จําเป็นอย่างยิ่งที่เจ้าของข้อมูลต้องให้ข้อมูลแก่บริษัท เพื่อบริษัทจะได้นําข้อมูลส่วนบุคคดังกล่าวนั้น ไปประมวลผลเกี่ยวกับการให้บริการตามเงื่อนไขที่ตกลงในการ ให้บริการรวมถึงนําไปใช้ในการ ติดต่อสื่อสาร ติดตาม และแจ้งผลประโยชน์เกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ ตอบข้อคําถาม ซึ่งหากเจ้าของข้อมูล ไม่ได้ให้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวจะทําให้บริษัทไม่สามารถให้บริการ ไม่สามารถจัดสิทธิและประโยชน์ ตามเงื่อนไข ไม่สามารถติดต่อสื่อสาร และไม่สามารถตรวจสอบความสามารถในการเข้าทําสัญญา รวมถึง ตรวจสอบความเป็นตัวตนของเจ้าของข้อมูลได้ ซึ่งเป็นไปตามมาตรา 24(3) ของพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562
(2) ฐานความยินยอม (Consent) กรณีมีความจําเป็นบริษัทอาจนําข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลไปใช้ในการประมวลผลข้อมูลเพื่อการออกแบบหรือพัฒนาผลิตภัณฑ์และหรือการบริการเพื่อนําเสนอเกี่ยวกับ ผลิตภัณฑ์และหรือการบริการเพื่อจัดกิจกรรมทางการตลาดของบริษัทหรือเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล เพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการตลาดแบบตรง หากเจ้าของข้อมูลไม่ประสงค์ในส่วนนี้สามารถถอนคํายินยอมได้โดยติดต่อบริษัทและแจ้งความประสงค์ได้
(3) ฐานประโยชน์อันชอบธรรม (Legitimate Interest) กรณีมีความจําเป็นบริษัทอาจนําข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลไปใช้ในการประมวลผลเพื่อการจัดการและจัดทํารายงานที่จําเป็นภายในบริษัท การดูแล รักษาระบบเพื่อการรักษามาตรฐานหรือพัฒนาในบริการนั้น การบริหารจัดการความเสี่ยงภายในองค์กร การควบคุมและการตรวจสอบภายใน ซึ่งมีความจําเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ควบคุม ข้อมูลและการนําไปใช้ของผู้ประมวลผลข้อมูล ซึ่งเป็นไปตามมาตรา 24 (5) ของพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ. ศ. 2562
(4) ฐานหน้าที่ตามกฎหมาย (Legal Obligation) กรณีมีความจําเป็นบริษัทอาจนําข้อมูลของเจ้าของข้อมูลไปใช้ในการประมวลผลข้อมูลเพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย เช่น พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543 พระราชบัญญัติ บริษัท มหาชนจํากัด พ.ศ. 2535 และกฎหมายอื่นที่บริษัทต้องอยู่ภายใต้การบังคับให้ส่งข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ที่ให้อํานาจศาลสั่งให้คู่ความส่งเอกสารหรือข้อมูลในการพิจารณา คดีความเป็นต้นซึ่งเป็นไปตามมาตรา 24 (6) ของพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562
3. ข้อมูลส่วนบุคคลที่จะทําการประมวลผล และระยะเวลาในการเก็บรวบรวม
บริษัทจะทําการประมวลผลข้อมูล ข้อมูลส่วนบุคคล ตามนโยบายของบริษัท เช่น ชื่อ นามสกุล ที่อยู่ สถานที่ ติดต่อ เบอร์โทรศัพท์มือถือ อีเมล และข้อมูลการใช้บริการอื่นๆ ของเจ้าของข้อมูล เป็นต้น
บริษัทจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลด้วยวัตถุประสงค์ใดวัตถุประสงค์หนึ่งตามที่ระบุในนโยบาย โดยบริษัทจะเก็บ ข้อมูลจนกว่าจะได้ดําเนินการตามวัตถุประสงค์ดังกล่าวนั้นและจะไม่เก็บข้อมูลดังกล่าวหากบรรลุวัตถุประสงค์แล้วเว้น แต่บริษัท จําเป็นที่จะต้องดําเนินการด้วยเหตุผลตามกฎหมาย
4. ประเภทของบุคคลหรือหน่วยงานซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลอาจเปิดเผย
บริษัทอาจทําการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้กับผู้สอบบัญชีของบริษัท ผู้ตรวจสอบภายนอกของ บริษัท และหน่วยงานราชการตามที่กฎหมายกําหนด เป็นต้น
5. สิทธิของเจ้าของข้อมูล
สิทธิ์ตามกฎหมายของเจ้าของข้อมูล สามารถขอใช้สิทธิต่างๆ ได้ภายใต้ข้อกําหนดของกฎหมาย และนโยบาย ที่กําหนดไว้ในขณะนี้หรือที่จะมีการแก้ไขเพิ่มเติมในอนาคต ตลอดจนหลักเกณฑ์ตามที่บริษัทกําหนดขึ้น และในกรณี เจ้าของข้อมูลมีอายุไม่ครบ 20 ปีบริบูรณ์ หรือถูกจํากัดความสามารถในการทํานิติกรรมตามกฎหมาย ท่านสามารถขอใช้ สิทธิโดยให้บิดาและมารดา ผู้ใช้อํานาจปกครอง หรือมีผู้อํานาจกระทําการแทนเป็นผู้แจ้งความประสงค์ โดยสิทธิของ ท่านมีดังต่อไปนี้
5.1เสิทธิในการเพิกถอนความยินยอม เจ้าของข้อมูลสามารถเพิกถอนความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วน บุคคลที่ได้ให้ความยินยอมกับบริษัทได้ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่กับบริษัท
5.2 สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล โดยขอให้บริษัททําสําเนาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวให้กับเจ้าของข้อมูล ได้ รวมถึงขอให้บริษัทเปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่เจ้าของข้อมูล ไม่ได้ให้ความยินยอมต่อบริษัทได้
5.3 สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง โดยขอให้บริษัทแก้ไขข้อมูลที่ไม่ถูกต้องหรือเพิ่มเติมข้อมูลที่ ไม่สมบูรณ์ได้
5.4 สิทธิในการลบข้อมูลส่วนบุคคล โดยการขอให้บริษัททําการลบข้อมูลด้วยเหตุบางประการได้
5.5 สิทธิในการระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล เจ้าของข้อมูลมีสิทธิในการระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลด้วยเหตุ บางประการได้
5.6 สิทธิในการให้โอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล เจ้าของข้อมูลมีสิทธิในการโอนย้าย ข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้ให้ไว้กับ บริษัทไปยังผู้ควบคุมข้อมูลรายอื่น หรือเจ้าของข้อมูลเอง ด้วยเหตุบางประการได้
5.7 สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล เจ้าของข้อมูลมีสิทธิในการคัดค้านการประมวลผล ข้อมูลส่วนบุคคลด้วยเหตุบางประการได้ :
5.8 สิทธิร้องเรียนต่อผู้มีอํานาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หากเจ้าของข้อมูลเชื่อว่าการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลเป็นการกระทําในลักษณะที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
การใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูลดังกล่าวข้างต้นอาจถูกจํากัดภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง และมีบางกรณีที่มีเหตุ จําเป็นที่บริษัทอาจปฏิเสธหรือไม่สามารถดําเนินการตามคําขอใช้สิทธิข้างต้น เช่น ต้องปฏิบัติตามกฎหมายหรือ คําสั่งศาล เพื่อประโยชน์สาธารณะ การใช้สิทธิอาจละเมิดสิทธิเสรีภาพของบุคคลอื่น เป็นต้น หากบริษัทปฏิเสธคําขอ ข้างต้น บริษัทจะแจ้งเหตุผลของการปฏิเสธให้ทราบด้วย
การร้องขอใดๆ ตามรายการข้างต้นนั้น เจ้าของข้อมูลจะต้องกระทําเป็นลายลักษณ์อักษรและบริษัทจะใช้ ความพยายามอย่างดีที่สุดที่จะดําเนินการภายในระยะเวลาที่เหมาะสม ไม่เกินระยะเวลาตามที่กฎหมายกําหน โดยบริษัท จะปฏิบัติตามข้อกําหนดทางกฎหมายที่เกี่ยวกับสิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนั้น
ข้อจํากัดในการให้บริการด้านต่างๆ ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลขอให้บริษัท ลบ ทําลาย ระงับ ขอให้โอน การ คัดค้านหรือทําให้ข้อมูลไม่สามารถระบุตัวตนได้ หรือถอนความยินยอม อาจทําให้เกิดข้อจํากัดกับบริษัทในการทํา
ธุรกรรมหรือการให้บริการกับเจ้าของข้อมูลในบางกรณีได้ ทั้งนี้ภายใต้ข้อกําหนดและเงื่อนไขของการยินยอมใช้บริการ ด้านต่างๆ และ/หรือตามที่กฎหมายกําหนด
6. การรักษาความมั่นคงปลอดภัย
6.1 จัดให้มีวิธีการทางเทคโนโลยีเพื่อป้องกันไม่ให้มีการเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่ไม่ได้รับอนุญาต
6.2 จัดการทําลายข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อความปลอดภัยเมื่อข้อมูลดังกล่าวไม่จําเป็นสําหรับวัตถุประสงค์ทาง กฎหมายและธุรกิจอีกต่อไป หากเจ้าของข้อมูลมีเหตุให้เชื่อว่าข้อมูลส่วนบุคคลถูกละเมิดโดยบริษัท กรุณาติดต่อบริษัท ผ่านทางอีเมลที่ระบุไว้ในข้อกําหนดและเงื่อนไขนี้
รหัสผ่านของเจ้าของข้อมูลมีความสําคัญสําหรับบัญชีการใช้บริการ กรุณาใช้ตัวเลข ตัวอักษรหรือสัญลักษณ์ที่ แตกต่างกัน และไม่แบ่งปันรหัสผ่านแก่ผู้อื่น หากมีการแบ่งปันรหัสผ่านแก่ผู้อื่น เจ้าของข้อมูลเป็นผู้รับผิดชอบต่อการ กระทําต่าง ๆ ที่ได้กระทําในนามหรือผ่านทางบัญชีการใช้บริการของเจ้าของข้อมูลและผลที่ตามมา หากไม่สามารถ ควบคุมรหัสผ่านได้ อาจส่งผลให้ไม่สามารถควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือข้อมูลอื่นๆ ที่ส่งให้แก่บริษัท เจ้าของข้อมูล อาจต้องยอมรับนิติกรรมใด ๆ ที่กระทําลงในนามของเจ้าของข้อมูล ดังนั้นหากรหัสผ่านถูกเปิดเผยหรือไม่เป็นความลับ ไม่ว่าด้วยเหตุผลใด ๆ หรือมีเหตุที่อาจเชื่อได้ว่ารหัสผ่านนั้นถูกเปิดเผยหรือไม่เป็นความลับ เจ้าของข้อมูลควรติดต่อ บริษัทเพื่อเปลี่ยนรหัสผ่าน อีกทั้งให้ออกจากระบบบัญชีการใช้บริการ (Log off) และปิดบราวเซอร์ (Browser) ทุกครั้งที่ ใช้คอมพิวเตอร์สาธารณะ
6.3 การเก็บข้อมูลส่วนบุคคลด้วยรูปแบบเอกสาร มีการจัดเก็บในตู้เก็บเอกสารโดยต้องมีกุญแจเปิด – ปิด เฉพาะ คนที่เกี่ยวข้องเท่านั้น
6.4 การเก็บข้อมูลส่วนบุคคลในอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ หรือระบบสารสนเทศ ต้องมีรหัส (Password) เฉพาะคนที่ เก็บรักษาเท่านั้น
6.5 การเข้าใช้ข้อมูลส่วนบุคคล สามารถเพิ่มเติมได้ แต่จะลบ จะเปลี่ยนแปลงจะนําออกเองโดยพลการ ไม่ได้ ต้อง ได้รับอนุมัติจากผู้ควบคุม
7. การมีส่วนร่วมของเจ้าของข้อมูล
บริษัทเปิดเผยรายละเอียดข้อมูลส่วนบุคคลต่อเมื่อได้รับคําร้องขอจากเจ้าของข้อมูล ผู้สืบสิทธิ ทายาท ผู้แทน โดยชอบธรรม หรือผู้พิทักษ์ตามกฎหมาย โดยสามารถยื่นคําร้องขอในเรื่องต่างๆ ตามสิทธิของเจ้าของข้อมูล ทั้งนี้ บริษัทจะดําเนินการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่เหมาะสม แต่ไม่เกินระยะเวลาที่กฎหมายได้กําหนดไว้
ในกรณีที่เจ้าของข้อมูล ผู้สืบสิทธิ ทายาท ผู้แทนโดยชอบธรรม หรือผู้พิทักษ์ตามกฎหมาย มีการคัดค้าน การ จัดเก็บ ความถูกต้อง หรือการกระทําใดๆ เช่น การแจ้งปรับปรุงแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลหรือลบข้อมูลส่วนบุคคล บริษัท จะดําเนินการบันทึกหลักฐานคําคัดค้านกล่าวไว้เป็นหลักฐานด้วย
8. การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคล ให้หน่วยงานต่างๆ
บริษัทไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลต่อบุคคลภายนอก อย่างไรก็ตาม สามารถแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคลตาม ขอบเขตที่เจ้าของข้อมูลได้ให้ความยินยอมกับบุคคลภายนอกที่เชื่อถือได้ และบุคคลภายนอกดังกล่าวอาจอยู่ในประเทศ ไทยหรือต่างประเทศดังต่อไปนี้
8.1 ตัวแทนสื่อโฆษณา การตลาด หรือการส่งเสริมการขายของบริษัท เพื่อวิเคราะห์ประสิทธิภาพของสื่อโฆษณา การตลาด และการส่งเสริมการขาย รวมถึงบริษัทย่อย สาขาของบริษัท และคู่ค้าทางธุรกิจทั้งภายในและต่างประเทศ
8.2 บุคคลภายนอกที่มีหน้าที่ส่งสินค้าหรือให้บริการ เช่น การจัดส่งสินค้าหรือพัสดุตามคําสั่งซื้อผ่านช่องทาง ออนไลน์ใดๆ
8.3 บุคคลภายนอกที่บริษัท ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลให้เปิดเผยข้อมูล 8.4 ผู้ใช้บังคับกฎหมาย หรือหน่วยงานราชการที่มีอํานาจร้องขอให้เปิดเผยข้อมูล 8.5 ผู้วิเคราะห์เว็บไซต์ เช่น Google
9. การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปต่างประเทศ
ผู้ควบคุมข้อมูลอาจส่งหรือโอนข้อมูลของเจ้าของข้อมูล ไปยังต่างประเทศได้ในกรณีดังต่อไปนี้
9.1. ประเทศปลายทางหรือองค์การระหว่างประเทศที่รับข้อมูลส่วนบุคคลนั้นมีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอตามที่กฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
9.2. ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูล โดยที่เจ้าของข้อมูล ได้รับแจ้งและรับทราบถึงมาตรฐานการคุ้มครอง
ข้อมูลส่วนบุคคลของประเทศปลายทางหรือองค์การระหว่างประเทศที่รับข้อมูลนั้นแล้ว
9.3. เป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย
9.4. เป็นความจําเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งเจ้าของข้อมูลเป็นคู่สัญญา หรือเพื่อใช้ในการดําเนินการตามคําขอของผู้ใช้งานข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเข้าทําสัญญานั้น
9.5.เป็นการกระทําตามสัญญาระหว่างผู้ควบคุมข้อมูลกับบุคคลอื่นโดยเป็นไปเพื่อประโยชน์ของผู้ใช้งานเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนั้น
9.6. เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิตร่างกาย หรือสุขภาพของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลหรือบุคคลใดๆ เมื่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไม่สามารถให้ความยินยอมในขณะนั้นได้
9.7. เป็นความจําเป็นเพื่อการดําเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะที่สําคัญ
10. การแก้ไขเปลี่ยนแปลงนโยบาย
บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการแก้ไขเปลี่ยนแปลงนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้ตามความจําเป็นและ เหมาะสม หรืออย่างน้อยปีละ 1 ครั้งเพื่อให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติ ข้อบังคับ และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง การแก้ไขเปลี่ยนแปลงใดๆ ทางบริษัทจะได้ประกาศและแสดงลงบนเว็ปไซต์ของบริษัท หรือด้วยวิธีการอื่นที่เหมาะสม
11. ระยะเวลาในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
การจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล มีการจัดเก็บตามกรอบเวลาในการดํารงสถานะการเป็นบุคลากรของบริษัท คู่ค้า ลูกค้า ผู้มาติดต่องานหรือบุคคลภายนอกที่เกี่ยวข้องการเป็นสมาชิกและคู่สัญญา โดยจัดเก็บไว้ไม่เกิน 10 ปี สําหรับผู้ที่ ให้ข้อมูลไว้แก่บริษัทเพื่อประโยชน์ของตน
12. ช่องทางการติดต่อ
หากเจ้าของข้อมูลมีข้อเสนอแนะ หรือต้องการสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับรายละเอียดการเก็บรวบรวมใช้ และ หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงการขอใช้สิทธิตามนโยบายฉบับนี้ สามารถติดต่อบริษัทผ่านช่องทางดังนี้
ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล และ/หรือ เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัท ผลธัญญะ จํากัด (มหาชน)
เลขที่ 1/11 ถนนลําลูกกา ตําบลลาดสวาย อําเภอลําลูกกา จังหวัดปทุมธานี 12150
หมายเลขโทรศัพท์ : 02-791-0111 E-mail: dpo@pdgth.com
วัน-เวลาทําการ: 08:00- 17:30น. (ยกเว้น วันเสาร์-วันอาทิตย์ วันหยุดราชการหรือวันหยุดนักขัตฤกษ์)