พื้นรองเท้าเซฟตี้ ทำจากวัสดุอะไรบ้าง?

แชร์บทความนี้

พื้นรองเท้าส่วนใหญ่มักทำจากวัสดุคือ PU(POLYURETHANE SOLE) , TPU(THERMO POLYURETHANE SOLE) , NBR Rubber (ยางไนไตร) และ PVC โดยมีความเหมาะสมในการใช้งานต่างกัน

 

พื้นยางสังเคราะห์ (NBR RUBBER SOLE)
– กันน้ำมันได้ดีเยี่ยมทนต่อความร้อนได้ถึง 300 องศาเซลซียส และการเสียดสี กันลื่นดี แต่น้ำหนักวัสดุหนักค่อนข้างมาก เหมาะกับงานเกี่ยวกับความร้อน งานหน้าเตาหลอม งานทีมีพื้นเปื้อนน้ำมัน

พื้น TPU (THERMO POLYURETHANE SOLE)
– คุณสมบัติทนสารเคมีดีเยี่ยม น้ำหนักปานกลาง ทนการสึกหรอ เหมาะกับงานกันสารเคมีหนัก เช่นอุตสาหกรรมปิโตรเคมี

พื้น PU 2 ชั้น (DOUBLE DENSITY POLYURETHANE SOLE)
– คุณสมบัติ คล้าย TPU ทนสารเคมีดีแต่น้อยกว่า TPU ส่วนน้ำหนักพอๆกัน ทนการสึกหรอ มีคุณสมบัติกันไฟฟ้าสถิตย์ เหมาะกับงานกันสารเคมีหนัก เช่นอุตสาหกรรมปิโตรเคมี และงานที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันและสารเคมี เช่นงานซ่อมบำรุง

พื้น PU ชั้นเดียว (SINGLE POLYURETHANE SOLE)
– คุณสมบัติ ทนสารเคมีดี น้ำหนักเบากว่า PU DOUBLE DENSITY ไม่ค่อยทนการสึกหรอ และไม่ทนต่อการในที่น้ำขังเวลานาน เหมาะใช้งานภายในอาคาร เหมาะกับงานกันสารเคมีปานกลาง ที่อยู่ในอาคาร เช่น งานประกอบรถยนต์ งานพ่นสี

พื้น PVC SOLE
– คุณสมบัติด้านความปลอดภัยที่ดีหนักเบา กันสารเคมีดี แต่แข็ง และกันลื่นได้ไม่ดีนัก เหมาะสำหรับงานความเสี่ยงต่ำทั่วไป เช่นงานขับรถส่งสินค้า

พื้น EVA SOLE
– คุณสมบัติด้านความปลอดภัยที่ดีหนักเบามาก วัสดุนุ่มใส่สบาย แต่สึกหรอง่าย ไม่ทนต่อการเสียดสี และสารเคมี เหมาะสำหรับที่แห้ง และพื้นเรียบ  เช่น งานขับรถส่งสินค้า ทำงานในร้านค้า

 

 

พื้นผสม (Hybrid Sole)
– ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ ทำให้สามารถนำพื้นที่มีวัสดุต่างกันมาประสานกันทำให้เกิดพื้นแบบใหม่ อาทิ PU/RUBBER , PU/TPU, EVA/RUBBER ซึ่งหมายถึง วัสดุพื้นส่วนบน / วัสดุพื้นส่วนล่าง ทำให้มีรองเท้าที่ใช้พื้นเหล่านี้มีน้ำหนักเบากว่าวัสดุดั้งเดิม เนื่องจากมีวัสดุเบาในพื้นส่วนบน และลดความหนาของวัสดุพื้นส่วนล่างลง แต่อายุการใช้งานและความทนทานก็จะลดลงตามความหนาที่ลดลงด้วย