เมื่อถึงช่วงเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ฤดูฝนหรือฤดูหนาว เราก็มักจะได้ยินเสียงไอเสียงจามอยู่บ่อย ๆ แน่นอนว่าสภาพภูมิอากาศในฤดูดังกล่าว มักเป็นสาเหตุของอาการไข้หวัดคัดจมูก ใครที่ภูมิคุ้มกันไม่ค่อยดี ก็อาจจะนอนจับไข้อยู่สองสามวัน ซึ่งโชคดีที่เดี๋ยวนี้ไข้หวัดรักษาไม่ยาก เพียงแค่ดูแลตัวเองให้ถูกวิธี ทานยา พักผ่อน ไม่กี่วันก็หายเป็นปกติได้
แต่บางครั้งสงสัยไหมว่า มีอาการป่วยแบบเป็นไข้หวัด แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่ดีขึ้นสักที โดยเฉพาะเด็ก ๆ ที่วัคซีนก็เคยฉีดมาแล้ว เช็ดตัวให้ก็แล้ว ให้ทานยาลดไข้ก็แล้ว สุดท้ายต้องลงเอยที่โรงพยาบาล ณ เวลานั้นเองที่ส่วนใหญ่จะพบว่า ลูกหลานของเราโดนเจ้าไวรัส RSV เล่นงานเข้าให้แล้ว
ไวรัส RSV คืออะไร ต่างจากไข้หวัดอย่างไร
ไวรัส RSV (Respiratory Syncytial Virus) เป็นไวรัสมีเปลือกหุ้มชนิดหนึ่ง เมื่อติดเชื้อแล้วจะทำให้ทางเดินหายใจอักเสบทั้งส่วนบนและส่วนล่าง คนทุกช่วงวัยสามารถติดไวรัสนี้ได้ เพียงแต่อาการจะชัดและรุนแรงมากในเด็ก ยิ่งเป็นเด็ก ๆ ที่มีภาวะเกี่ยวกับหัวใจและปอด การติดไวรัส RSV ยิ่งน่ากลัว กลุ่มผู้สูงอายุเองก็มีแนวโน้มจะมีอาการรุนแรงได้เช่นเดียวกัน
การแพร่กระจายของไวรัส RSV นั้น ปกติแล้วในประเทศไทยมักมีผู้ป่วยด้วยไวรัสนี้มากช่วงเดือนสิงหาคม-ตุลาคม ซึ่งเป็นช่วงฤดูฝนต่อฤดูหนาว สามารถติดได้จากการไอ จาม หรือการสัมผัสสิ่งของที่ปนเปื้อนสารคัดหลั่งจำพวกน้ำลาย น้ำมูก และเสมหะ
ผู้ป่วยมักจะมีอาการเบื้องต้นคล้ายไข้หวัด คือ มีไข้ คัดจมูก มีน้ำมูก และไอ แต่สังเกตได้ว่า อาการจะดีขึ้นยาก แม้จะรักษาด้วยยาแบบไข้หวัดแล้วก็ตาม ในเด็กเล็กมักพบอาการที่สำคัญคือ
- เบื่ออาหาร ทานน้อยกว่าปกติ
- หายใจถี่ หอบเหนื่อย บางครั้งถึงขั้นได้ยินเสียงวี้ดเวลาหายใจ
- ไม่ร่าเริง ซึมหรือหงุดหงิดง่าย ถ้าเป็นเด็กเล็กอาจร้องไห้งอแงหนักขึ้น
สิ่งที่ต่างจากไข้หวัดอีกอย่างคือ ไม่มียารักษาเหมือนไข้หวัด และไม่มีวัคซีนที่สามารถฉีดเพื่อป้องกันล่วงหน้าได้ เมื่อเป็นแล้วต้องรักษาตามอาการไปเรื่อย ๆ เช่น ถ้าเป็นไข้ก็ทานยาลดไข้ หากไอมากมีเสมหะก็ทานยาแก้ไขและละลายเสมหะ และต้องพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำให้มาก ส่วนผู้ที่มีอาการไม่รุนแรง ยังสามารถฟื้นฟูจนเป็นปกติได้ด้วยการรักษาตัวเองที่บ้าน
ทว่าหากเป็นหนัก เช่น มีอาการเหนื่อยหอบ หรือเกิดภาวะขาดน้ำ ต้องได้รับการประเมินและการรักษาตามอาการโดยแพทย์อย่างใกล้ชิด อาจจะด้วยการพ่นยาเพื่อขยายหลอดลม ให้ออกซิเจน หรือดูดเสมหะออก
ทริคง่าย ๆ ห่างไกลไวรัส RSV ที่ยังไม่มีวัคซีน
อย่างที่กล่าวไว้ว่า ปัจจุบันเรายังไม่มีวัคซีนที่ช่วยป้องกันการติดเชื้อไวรัส RSV แต่เราก็สามารถลดความเสี่ยงในการติดไวรัสนี้ได้ รวมถึงลดความรุนแรงหากติดไวรัสขึ้นมาได้ สิ่งสำคัญคือ ต้องทำร่างกายให้แข็งแรง และหลีกเลี่ยงสถานการณ์เสี่ยงที่ทำให้ติดเชื้อไวรัส คือ
- ล้างมือบ่อย ๆ โดยเฉพาะหลังการสัมผัสกับสิ่งของที่ต้องใช้ร่วมกับผู้อื่น
- หลีกเลี่ยงไม่เข้าใกล้ผู้ที่มีอาการคล้ายไข้หวัด หากมีความจำเป็นให้ใส่หน้ากากอนามัย
- ทำความสะอาดของใช้ส่วนตัว และพื้นที่ ๆ มีผู้อื่นสามารถเข้าถึงได้
- หลีกเลี่ยงสถานที่ ๆ มีควันบุหรี่
- รักษาร่างกายให้อบอุ่น ดื่มน้ำสะอาด พักผ่อนให้เพียงพอ
RSV เป็นไวรัสที่น่ากลัว เพราะสามารถแพร่กระจายเป็นวงกว้างได้อย่างรวดเร็ว คนที่ร่างกายไม่แข็งแรงเป็นทุนเดิม จึงมีแนวโน้มที่จะมีอาการหนัก ดังนั้นหากยังไม่เป็นก็ขอให้รู้จักหลีกเลี่ยงภาวะหรือสถานที่เสี่ยง แต่ถ้าสันนิษฐานว่าเป็นแล้ว และมีอาการหนัก ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อประเมินอาการ และได้รับการรักษาที่เหมาะสมต่อไป