โนโรไวรัส – โรคระบาดจากเชื้อไวรัสที่ยังไม่มียารักษา และไม่มีวัคซีนป้องกัน

แชร์บทความนี้

รู้จักโนโรไวรัส (Norovirus) และความอันตรายของโรค

โนโรไวรัส (Norovirus) เป็นเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดโรคระบบทางเดินอาหารเฉียบพลันที่สามารถแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วและกว้างขวาง โรคนี้สร้างความกังวลเนื่องจากเชื้อมีความทนทานสูงในสิ่งแวดล้อม ทำให้ยากต่อการควบคุม

ในกรณีที่เกิดการระบาดใหญ่ เช่น ในประเทศจีนปัจจุบัน มีรายงานผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในพื้นที่ที่มีการรวมตัวของคนจำนวนมาก เช่น โรงเรียน โรงพยาบาล และสถานที่ทำงาน โดยพบว่าผู้ป่วยบางรายมีอาการรุนแรงถึงขั้นต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล

อาการของโรคโนโรไวรัส

ผู้ที่ติดเชื้อโนโรไวรัสมักแสดงอาการภายใน 12-48 ชั่วโมงหลังได้รับเชื้อ อาการที่พบได้บ่อย ได้แก่:

  • คลื่นไส้และอาเจียน
  • ท้องเสียรุนแรง
  • ปวดท้องหรือปวดเกร็ง
  • อ่อนเพลีย และมีไข้ต่ำ

แม้ว่าอาการส่วนใหญ่จะหายได้เองภายใน 1-3 วัน แต่ในกรณีรุนแรง เช่น ผู้ป่วยสูงอายุ เด็กเล็ก หรือผู้ที่มีโรคประจำตัว อาจทำให้เกิดภาวะขาดน้ำอย่างรุนแรงจนเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

ข้อมูลความอันตรายและอัตราการเสียชีวิต

โนโรไวรัสถือเป็นสาเหตุหลักของโรคอุจจาระร่วงเฉียบพลันทั่วโลก โดยข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า ในแต่ละปีมีผู้ป่วยโนโรไวรัสประมาณ 685 ล้านคนทั่วโลก และในจำนวนนี้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 200,000 ราย โดยส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มประเทศที่มีระบบสาธารณสุขไม่ดีเพียงพอ

ในกรณีการระบาดในจีนที่รายงานล่าสุด พบว่าผู้ป่วยบางรายต้องเข้ารับการรักษาในหอผู้ป่วยหนัก (ICU) และมีรายงานผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อโนโรไวรัสที่ไม่ได้รับการรักษาทันท่วงที

วิธีป้องกันการติดเชื้อโนโรไวรัส

การป้องกันตัวเองจากโนโรไวรัสสามารถทำได้ง่ายๆ ดังนี้:

  1. ล้างมือให้สะอาด
    ใช้สบู่และน้ำอุ่นล้างมือทุกครั้งหลังเข้าห้องน้ำ ก่อนรับประทานอาหาร และหลังสัมผัสกับผู้ป่วย
  2. หลีกเลี่ยงอาหารและน้ำดื่มที่ปนเปื้อน
    รับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่และดื่มน้ำสะอาดที่ผ่านการฆ่าเชื้อ
  3. ทำความสะอาดพื้นผิวที่ใช้ร่วมกัน
    ใช้สารฆ่าเชื้อ เช่น แอลกอฮอล์ 70% หรือสารที่มีส่วนผสมของคลอรีน ทำความสะอาดพื้นผิวที่สัมผัสบ่อย เช่น โต๊ะ ลูกบิดประตู
  4. ระวังการสัมผัสกับผู้ป่วย
    หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้ป่วยที่มีอาการ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อ

ความทนทานของโนโรไวรัส (Norovirus)

โนโรไวรัสเป็นเชื้อไวรัสที่มีความทนทานสูงในสิ่งแวดล้อม ทำให้ยากต่อการกำจัดและเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดการระบาดอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง คุณสมบัติที่โดดเด่นในด้านความทนทานของไวรัสนี้ ได้แก่:

  • ความทนต่ออุณหภูมิ

  • โนโรไวรัสสามารถทนทานต่ออุณหภูมิที่หลากหลาย ตั้งแต่ -20°C ถึง 60°C

  • การแช่แข็งไม่สามารถทำลายเชื้อไวรัสได้ และการปรุงอาหารที่อุณหภูมิไม่สูงเพียงพอ (ต่ำกว่า 70°C) อาจไม่สามารถฆ่าเชื้อได้

  • ความทนต่อสารเคมี

  • โนโรไวรัสสามารถทนต่อสารเคมีทำความสะอาดทั่วไป เช่น สบู่หรือแอลกอฮอล์ที่มีความเข้มข้นต่ำ

  • การทำลายเชื้ออย่างมีประสิทธิภาพควรใช้สารที่มีส่วนผสมของคลอรีน (Sodium Hypochlorite) หรือสารฆ่าเชื้อที่ระบุว่าสามารถกำจัดไวรัสได้

  • ความทนทานบนพื้นผิว

  • เชื้อไวรัสสามารถคงอยู่บนพื้นผิวที่ปนเปื้อนได้นานถึง 7-14 วัน ในอุณหภูมิห้อง

  • หากอยู่ในน้ำ เช่น น้ำดื่มหรือน้ำแข็ง เชื้อไวรัสสามารถคงอยู่ได้เป็นเวลาหลายสัปดาห์

  • ความทนทานในร่างกายมนุษย์

  • โนโรไวรัสมีความสามารถในการหลบเลี่ยงระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้การติดเชื้อซ้ำเป็นไปได้ แม้ว่าผู้ป่วยจะเคยติดเชื้อมาก่อนแล้ว

  • ในบางราย เชื้อไวรัสอาจยังคงอยู่ในร่างกายและถูกขับออกมาทางอุจจาระได้ถึง 2 สัปดาห์หลังจากอาการหายแล้ว

 

คำแนะนำจากกรมควบคุมโรค

หากคุณหรือคนใกล้ชิดมีอาการของโรคโนโรไวรัส เช่น ท้องเสียและอาเจียนรุนแรง ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้อื่นและรีบปรึกษาแพทย์ทันที โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจำตัว การดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม รวมถึงการปฏิบัติตามมาตรการด้านสุขอนามัยจะช่วยลดความเสี่ยงการติดเชื้อและการแพร่กระจายของโนโรไวรัสได้

เหตุผลที่ควรเลือกใช้ ชุดดับเพลิง ที่ผ่านการทดสอบตามมาตรฐานNFPA 1971

แชร์บทความนี้

ในปัจจุบันข้อมูลเกี่ยวกับ ชุดดับเพลิง ในท้องตลาดมีมากมาย ทั้งที่ถูกต้องและไม่ถูกต้อง ทำให้ผู้ใช้งานเกิดความสับสนในการเลือกใช้งานเป็นอย่างมาก

อ่านเพิ่มเติม »

ทำไมหน้าหนาวจับอะไร ถึงช็อต ป๊อบแป๊บไฟฟ้าสถิต: ที่มา ปัญหา และการใช้ประโยชน์

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้ปัญหาของไฟฟ้าสถิต ไม่ใช่เพียงแค่ปรากฎการณ์ที่เราพบเจอในชีวิตประจำวั

อ่านเพิ่มเติม »