ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาวกันแล้วนะครับ และเมื่ออากาศแห้งแล้ง ประกอบกับการเผาในที่โล่งหรือการเผาไหม้ของเชื้อเพลิงเครื่องยนต์ จึงเป็นแหล่งกำเนิดชั้นดีของ ฝุ่น PM2.5
ฝุ่น PM2.5 เป็นฝุ่นที่มีขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน ด้วยขนาดที่เล็กนี้ทำให้สามารถเข้าทางโพรงจมูกของเราได้ ไปถึงส่วนปลาย ซึ่งถ้าเข้าไปยังถุงลมแล้วมีโอกาสที่จะแทรกซึมผ่านเข้าสู่กระแสโลหิตได้ เพราะผนังถุงลมและหลอดเลือดมีขนาดที่ 1 – 3 ไมครอน ซึ่งอาจจะเป็นปัญหาทำให้เกิดโรคต่างๆกับอวัยวะภายในของเราได้ครับ
สารพิษที่อยู่ใน Pm2.5 เกิดจากอะไรและอันตรายอย่างไร
1. P-A-Hs สารพิษชนิดหนึ่งที่เกิดจากการเผาไหม้ของท่อไอเสียรถยนต์ โรงงานอุตสหกรรมต่างๆและควันบุหรี่ เป็นสารก่อให้เกิดมะเร็ง
2. Hg หรือที่รู้จักกันว่า ปรอท เกิดจากการเผาไหม้ของน้ำมันและถ่านหินระเหยเป็นไอ อันตรายต่อระบบประสาท อัมพาต มะเร็งไปจนถึงการผิดปกติทางพันธุกรรม
3. Ar หรือ สารหนูเป็นโลหะหนัก เกิดจากโรงงานอุตสาหกรรม การทำเหมือง การทำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และยาฆ่าแมลง สะสมอยู่ในปอด หรือระบบประสาท ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
4. Cadmium หรือ แคดเมี่ยม เป็นโลหะหนัก เกิดจากเหมืองแร่ สังกะสี ทองแดงและตะกั่ว เป็นอันตรายกับผิวหนัง ปอด ทางเดินอาหารและกระดูก
โรคที่อาจจะเกิดขึ้นได้หลังจากได้รับฝุ่นพิษ Pm2.5
1. โรคหลอดเลือดในสมอง
2. โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง
3. โรคหัวใจขาดเลือด
4. โรคมะเร็งปอด
5. โรคติดเชื้อเชียบพลันในระบบหายใจส่วนล่าง
วิธีป้องกัน
ทางที่ดีที่สุดคือการหลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีฝุ่น Pm2.5 เกิดค่ามาตรฐานนะครับ แต่เราเข้าใจดี บางกิจกรรมไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ให้ใช้วิธีหาอุปกรณ์ป้องกันระบบทางเดินหายใจนะครับ ด้วยหน้ากากที่มีมาตรฐาน N95 จะดีที่สุด หากติดปัญหาหน้ากากหาได้ยากและมีราคาสูงเกินไปสามารถใช้หน้ากากที่ได้รับมาตรฐาน KF94 ซึ่งมีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ N95 แทนนะครับ เพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพร่างกายของเรานะครับ เลือกซื้อและดูตัวอย่างหน้ากากของแท้ ได้ที่ https://bit.ly/3Fg1dLT
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
Greenpeace Thailand
