สาเหตุของการ ปวดหลัง
อาการปวดหลังอาจมีสาเหตุที่หลากหลายรวมถึงท่าทางที่ไม่ดี, ความตึงของกล้ามเนื้อ, หมอนรองไขสันหลัง, กระดูกสันหลังตีบ, โรคข้ออักเสบหรือโรคดิสก์เสื่อม ปัจจัยเสี่ยงต่อการพัฒนาอาการปวดหลังรวมถึงท่าทางพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน
การสำรวจตัวเอง
การสำรวจตัวเองและการจดบันทึกเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้การรักษามีประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจากสามารถทำให้เราทราบสาเหตุของการเกิดอาการปวดหลัง ซึ่งสามารถทำให้เราหลีกเลี่ยงการกระทำหรือกิจกรรมนั้นๆ ที่เป็นสิ่งที่สำคัญ ที่จะช่วยรักษาอาการปวดหลังได้ดี และมีประสิทธิภาพ
วิธีการสำรวจตัวเอง
การเก็บข้อมูลของอาการลักษณะความเจ็บปวด: มีการจดบันทึกเมื่อใดและที่ไหนที่คุณประสบความเจ็บปวดกิจกรรมหรือการเคลื่อนไหวใดที่ทำให้ความเจ็บปวดรุนแรงขึ้นและสิ่งที่ทำให้รู้สึกดีขึ้น ข้อมูลนี้สามารถช่วยให้คุณสามารหลีกเลี่ยงต้นเหตุของอาการ และยังสามารถช่วยแพทย์ของคุณวินิจฉัยสาเหตุพื้นฐานของความเจ็บปวดของคุณได้เป็นอย่างดี
การระบุตำแหน่งของความเจ็บปวด: ความเจ็บปวดเป็นศูนย์กลางในพื้นที่หนึ่งหรือไม่ หรือมีการลามไปยังส่วนอื่น ๆ ของร่างกายของคุณ? ที่ส่งผลกระทบต่อหลังส่วนบนหลังส่วนล่างหรือทั้งสองอย่างของคุณหรือไม่?
ทำการประเมินความรุนแรงของความเจ็บปวด: ในระดับ 1-10 ให้คะแนนความรุนแรงของความเจ็บปวดของคุณ ซึ่งจะช่วยให้แพทย์ของคุณกำหนดวิธีการรักษาที่เหมาะสม
สังเกตอาการอื่น ๆ : คุณมีอาการชารู้สึกเสียวแปลบๆหรืออ่อนแรงที่แขนหรือขาของคุณหรือไม่? คุณมีปัญหาในการเดินหรือยืนเป็นระยะเวลานานหรือไม่? อาการเหล่านี้สามารถให้เบาะแสที่สำคัญกับสาเหตุพื้นฐานของความเจ็บปวดของคุณ
สังเกตุจุดทริกเกอร์ : ความเจ็บปวดเกิดขึ้นหลังจากกิจกรรมเฉพาะเช่นการยกของหนักหรือนั่งเป็นเวลานานหรือไม่? การระบุทริกเกอร์สามารถช่วยให้คุณและแพทย์พัฒนากลยุทธ์เพื่อป้องกันอาการปวดในอนาคต
ด้วยการสำรวจอาการปวดหลังและให้ข้อมูลโดยละเอียดเหล่านี้กับแพทย์ของคุณจะสามารถช่วยให้แน่ใจว่าคุณได้รับการวินิจฉัยที่ถูกต้องและได้รับแผนการรักษาที่มีประสิทธิภาพ
การรักษาอาการ ปวดหลัง ด้วยตัวเองเบื้องต้น
สิ่งที่คุณจะรักษาอาการ ปวดหลัง เบื้อต้นได้ด้วยตัวเอง นอกจากการหลีกเลี่ยงท่าทางต่างๆ หรือกิจกรรมที่ทำให้เกิดอาการแล้ว เรายังมีเทคนิคการดูแลตนเองเล็กๆ น้อยๆ ที่คุณสามารถบรรเทาอาการปวดหลังของคุณได้ด้วยตัวเอง:
การยืดกล้ามเนื้อ: การออกกำลังกายยืดเบา ๆ สามารถช่วยบรรเทาความตึงเครียดและเพิ่มความยืดหยุ่นในกล้ามเนื้อหลังของคุณ โดยเน้นไปที่การยืดเหยียดโดยมีเป้าหมายที่หลังส่วนล่างสะโพกและขา
ท่าการยืดที่แนะนำ
Knee-to-chest stretch
วิธีทำ
- นอนราบกับพื้น ยกขาข้างขวาขึ้นตั้งฉาก และชันเข่าข้างซ้าย
- ใช้มือรัดใต้เข่าข้างขวา ให้ขายืดได้มากที่สุด
- ในขณะที่ยืดขาต้องให้สะโพกติดพื้นอยู่เสมอ ยังคงยืดขาให้ตึง
- ทำท่านี้ค้างไว้ 10 วินาที จากนั้นสลับข้าง
Cat-cow stretch
วิธีทำ
- ลมหายใจออก เคลื่อนสู่ท่าแมว
- โค้งกระดูกสันหลัง ส่งสบักขึ้นหาเพดาน
- ขมิบก้นกบ หน้าแข้งทั้งสองแนบ ติดพื้นแน่น หลังเท้า พยายาม กดให้ ติดพื้น เพื่อความมั่นคง
- ปล่อยศรีษะตกสบายๆ
Cow Pose
วิธีทำ
- ลมหายใจเข้า ยกกระดูกรองนั่งขึ้นสูง
- กดหน้าอกไปด้านหน้า ขยายหัวไหล่ ทั้งสองข้าง ศรีษะผ่อนคลาย หัวไหล่ห่างจากใบหู
- หย่อนหน้าท้อง ลงหาพื้นเสื่อ
- เงยหน้ามองเพดาน หรือมองไปด้านหน้า
- ทำสลับกัน ไปมา ตามลมหายใจ อย่างต่อเนื่องช้าๆ ประมาณ 5-10 ลมหายใจเข้า-ออก
Child’s pose
วิธีทำ
- คุกเข่าเท้าชิดหรือแยกเท้าเล็กน้อย เหยียดปลายขาและข้อเท้าไปข้างหลัง นั่งลงบนส้นเท้า
- ขณะหายใจออกก้มตัว วางหน้าผากลงบนพื้น คอตรงไม่เอียงคอไปข้างหนึ่งข้างใด ก้นอยู่บนส้นเท้า(หากก้มไม่ได้ให้ยกก้นเล็กน้อย)
- เหยียดแขนทั้งสองไปเหนือศีรษะ คืบนิ้วไปให้ไกลที่สุด แล้วกดฝ่ามือทั้งสองให้แนบกับพื้นหรือ
- กำมือหลวมๆหงายมือขึ้น เหยียดแขนทั้งสองข้างไปปลายเท้าให้มากที่สุด
- ค้างท่านี้ไว้ 30 วินาทีหรือมากกว่า
- คลายท่า
Piriformis stretch
วิธีทำ
- นอนราบไปกับพื้น เท้าเหยียดตรงยกเท้าข้างหนึ่ง
- เอามือจับข้อเข่า
- ดึงเข้าหาหน้าอกจนกระทั่งกล้ามเนื้อต้นขาด้านหลังเริ่มตึง แล้วค้างไว้ 10-30 วินาที
Hamstring stretch
วิธีทำ
- นอนราบกับพื้น (แนะนำให้มีเสื่อโยคะปูรอง)
- เท้าเหยียดตรง ยกเท้าข้างหนึ่งขึ้น
- ใช้มือจับข้อเข่า หรือ ใช้ยางยืดเกี่ยวใต้ฝ่าเท้าไว้ได้
- ดึงขาเข้าหาหน้าอกจนกระทั่งกล้ามเนื้อต้นขาด้านหลังเริ่มตึง
- ทำค้างไว้ข้างละ 30 วินาที
การบำบัดด้วยความร้อนและความเย็น : การใช้ความร้อนหรือความเย็นกับจุดที่มีอาการสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดและลดการอักเสบได้เป็นอย่างดี ลองสลับระหว่างแผ่นความร้อนและแพ็คน้ำแข็งหรืออาบน้ำอุ่นๆ
การออกกำลังกาย : การออกกำลังกายที่มีแรงกระแทกต่ำเช่นการเดิน, ว่ายน้ำหรือโยคะ สามารถช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อหลังของคุณ และช่วยปรับปรุงความยืดหยุ่นของกล้างเนื้อส่วนต่างๆ ซึ่งเป็นหนึ่งในการรักษาซึ่งจะได้ผลในระยะยาวอีกด้วย
ตัวอย่างกิจกรรม
การเดิน
การว่ายน้ำ
โยคะ
การปั่นจักรยาน
การออกกำลังกายควรเริ่มจากช้าๆและค่อยๆเพิ่มระยะเวลาและความเข้มของการออกกำลังกายของคุณเพื่อให้ร่างกายปรับสภาพ และลดความเสี่ยงจากการบาดเจ็บเพิ่มเติมจากกิจกรรมของคุณ
ปรับปรุงท่าทางและกิจกรรมของคุณ : ในระหว่างวันให้ระวังท่าทางและกิจกรรมของคุณที่เป็นต้นเหตุของอาการ เพื่อหลีกเลี่ยง และควรรักษาท่าทางที่ดีในการนั่ง ยืนหรือเดิน
การนวด : การนวดอย่างอ่อนโยนสามารถช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อตึงและปรับปรุงการไหลเวียนโลหิตในพื้นที่ที่มีอาการได้ดี