ปลาหมอคางดำ – ภัยคุกคามใหม่ต่อระบบนิเวศน้ำจืดไทย

แชร์บทความนี้

การแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว

ปลาหมอคางดำเป็นสายพันธุ์ที่มีถิ่นกำเนิดในแอฟริกาตะวันตก แต่ได้ถูกนำเข้ามาในประเทศไทยราวปี พ.ศ. 2530 เพื่อการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ตามรายงานของกรมประมง ปลาชนิดนี้มีความสามารถในการปรับตัวสูง สามารถอาศัยได้ทั้งในน้ำจืดและน้ำกร่อย ทนต่อสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงได้ดี และมีอัตราการสืบพันธุ์สูง โดยสามารถวางไข่ได้ 3-4 ครั้งต่อปี ครั้งละประมาณ 50-400 ฟอง

ข้อมูลจากการศึกษาของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ในปี 2563 พบว่า ปลาหมอคางดำได้แพร่กระจายไปยังแหล่งน้ำธรรมชาติในหลายจังหวัดของไทย โดยเฉพาะในภาคกลางและภาคตะวันออก เช่น กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ ฉะเชิงเทรา และชลบุรี

ผลกระทบต่อระบบนิเวศ

การศึกษาของนักวิจัยจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในปี 2565 ได้ระบุว่า ปลาหมอคางดำส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศน้ำจืดในหลายด้าน:

  • แย่งอาหารและที่อยู่อาศัย: ปลาหมอคางดำกินอาหารได้หลากหลาย ทั้งพืชน้ำ แพลงก์ตอน และสัตว์น้ำขนาดเล็ก ทำให้แย่งอาหารจากปลาพื้นถิ่น
  • เปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อม: การขุดรังของปลาหมอคางดำทำให้น้ำขุ่น ส่งผลต่อการเจริญเติบโตของพืชน้ำและสิ่งมีชีวิตอื่น
  • ลดความหลากหลายทางชีวภาพ: พบว่าในแหล่งน้ำที่มีปลาหมอคางดำชุกชุม จำนวนและชนิดของปลาพื้นถิ่นลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

ภัยคุกคามต่อการประมง

รายงานจากสมาคมประมงน้ำจืดแห่งประเทศไทยในปี 2564 ระบุว่า การระบาดของปลาหมอคางดำส่งผลกระทบต่อการประมงพื้นบ้านและเชิงพาณิชย์ ดังนี้:

  • ลดปริมาณปลาพื้นถิ่นที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจ เช่น ปลาตะเพียน ปลาสร้อย และปลานิล
  • เพิ่มต้นทุนในการทำประมง เนื่องจากต้องใช้เวลาและแรงงานมากขึ้นในการคัดแยกปลาหมอคางดำออกจากปลาชนิดอื่น
  • ลดรายได้ของชาวประมง เนื่องจากปลาหมอคางดำมีราคาตลาดต่ำกว่าปลาพื้นถิ่นหลายชนิด

มาตรการควบคุม

กรมประมงได้ดำเนินมาตรการควบคุมประชากรปลาหมอคางดำหลายประการ ตามแผนยุทธศาสตร์การจัดการชนิดพันธุ์ต่างถิ่นที่รุกราน พ.ศ. 2560-2564 ได้แก่:

  • การรณรงค์ให้ประชาชนช่วยกันจับปลาหมอคางดำเพื่อบริโภคหรือนำไปแปรรูป
  • การห้ามปล่อยปลาหมอคางดำลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ
  • การศึกษาวิจัยเพื่อหาวิธีควบคุมประชากรที่มีประสิทธิภาพ เช่น การใช้ฮอร์โมนควบคุมการสืบพันธุ์

การใช้ประโยชน์

แม้จะเป็นปลาต่างถิ่น แต่มีความพยายามในการส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากปลาหมอคางดำ ตามรายงานของสถาบันวิจัยอาหารแห่งชาติในปี 2566:

  • การบริโภค: ปลาหมอคางดำสามารถนำมาประกอบอาหารได้หลากหลาย มีรสชาติดีและคุณค่าทางโภชนาการสูง
  • อาหารสัตว์: นำมาแปรรูปเป็นปลาป่นสำหรับเลี้ยงสัตว์ โดยเฉพาะในฟาร์มสุกรและสัตว์ปีก
  • ปุ๋ยอินทรีย์: นำเศษเหลือจากการแปรรูปปลามาทำเป็นปุ๋ยสำหรับการเกษตร