จากประเด็นที่มีข่าวเมื่อวันที่ 5 เมษายน 2 บริษัทลอบขนกากแร่แคดเมียม 15,000 ตันจากบ่อฝังกลบจ.ตาก มาโรงงาน จ.สมุทรสาคร เตรียมส่งออก และหลายฝ่ายเป็นกังวลว่าจะเกิดการปนเปื้อนในธรรมชาติ ซึ่งอาจส่งผลร้ายแรงและใกล้ตัวมากๆกับผู้ที่อยู่อาศัยโดยรอบ วันนี้เรามาดูกันว่า เจ้า แคดเมี่ยม อันตรายขนาดไหน แล้วเราจะมีวิธีป้องกันยังไงครับ
แคดเมียม (Cadmium) คือธาตุเคมีที่มีหมายเลขอะตอม 48 และสัญลักษณ์คือ Cd แคดเมียมเป็นโลหะทรานซิชันสีขาว-ฟ้า เป็นธาตุมีพิษ ในธรรมชาติพบอยู่ในแร่สังกะสี แคดเมียมใช้ประโยชน์ในการทำแบตเตอรี่
ผลกระทบต่อร่างกาย หากได้รับสารแคดเมี่ยม
ผลกระทบต่อร่างกายนั้นมีทั้งแบบเฉียบพลันระยะสั้นและแบบระยะยาวเรื้อรังดังนี้
การรับสารแคดเมียมในระยะสั้นนั้นจะมีอาการดังต่อไปนี้
- การจับไข้
- มีอาการหนาวๆร้อนๆ
- ปวดศีรษะ
- อาเจียน
ซึ่งหากมีอาการเหล่านี้นาน 20 ชั่วโมงก็จะเกิดอาการแน่นหน้าอก ไอรุนแรง และน้ำลายฟูมปากตามมา ซึ่งผู้ที่มีโอกาสได้รับสารส่วนใหญ่จะเป็นคนงานในโรงงานอุตสาหกรรม เช่น โรงงานอุตสาหกรรมรถยนต์ มอเตอรไซด์ หรือโรงงานอุตสาหกรรมที่มีการเชื่อมเหล็กที่มีแคดเมียมเป็นองค์ประกอบ
เมื่อมีการสะสมในระยะยาว จะมีผลกระทบต่อร่างกายดังนี้
- หากมีการสะสมมากเกินไปในร่างกายจะทำให้คน หรือสัตว์ที่ได้รับสารแคดเมียม มีโอกาสเป็นหมันได้
- แคดเมียมยังเป็นสารที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็งและต่อมลูกหมาก
- เมื่อแคดเมียมได้เข้าสู่ร่างกายอาจก่อให้เกิดโรคความดันโลหิตสูง
- การสูดดมแคดเมียมและไปสะสมในร่างกายจะทำให้เกิดการเจ็บปวดที่กระดูก และทำให้เกิดกระดูกผุ ซึ่งส่งผลให้เกิดเป็นโรคอิไตอิไต
- แคดเมียมสามารถสะสมได้ในร่างกายโดยเฉพาะที่ไต อีกทั้งยังทำลายระบบประสาท เช่น ระบบประสาทการดมกลิ่น และเลือดจาง การรับสารแคดเมียมในระยะสั้น
ปริมาณที่เป็นอันตราย
ปริมาณของแคดเมี่ยมที่มากกว่า 300 มิลลิกรัม อาจทำให้คนตายได้ แต่ปริมาณต่ำสุด 10 มิลลิกรัมจะทำให้เกิดอาการพิษอย่างชัดเจน
ปริมาณปนเปื้อนในอากาศ
ปริมาณฝุ่น หรือควันของเเคดเมี่ยมต้องไม่เกิน 0.05 มิลลิกรัม/ลูกบาศก์เมตร
การเข้าสู่ร่างกายของสารแคดเมี่ยม
โดยปกติ แคดเมี่ยมจะเข้าสู่ร่างกายเราได้ 2 ทาง
- ทางปาก โดยการบริโภคอาหารที่มีการปนเปื้อนของแคดเมี่ยม เช่น อาหารทะเล ผัก
- ทางจมูก โดยการหายใจเอาควัน หรือฝุ่นที่ปนเปื้อนแคดเมี่ยมเข้าไปด้วย พบมากในเหมืองสังกะสี
การใช้อุปกรณ์ป้องกัน
ใช้อุปกรณ์ป้องกันระบบหายใจ (Respirator) แบบครึ่งหน้าหรือเต็มหน้าพร้อมไส้กรองที่มีฟิลเตอร์ ป้องกันฝุ่นละออง (particle) แบบ P100 (มาตรฐาน USA )หรือ P3 (มาตรฐานฝั่ง EU )
ตัวอย่างอุปกรณ์ป้องกัน
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
https://mt.mahidol.ac.th/wp-content/uploads/home/main/health-brochure/2019/pdf/18.pdf