พายุฤดูร้อนคือ
พายุฤดูร้อน (Tropical Cyclone) เป็นสภาพอากาศโดยมากจะเกิดขึ้นในพื้นที่ร้อนชื้น โดยพายุจะเกิดขึ้นจากการเคลื่อนที่ของอากาศที่มีความชื้นสูงและอุณหภูมิรอบๆ ระดับที่สูงขึ้น พายุฤดูร้อนเป็นภูมิประเทศที่สำคัญในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
พายุฤดูร้อนในไทยมักเกิดช่วงไหน , พื้นที่ไหน
พายุฤดูร้อนที่เกิดในประเทศไทยมักเกิดขึ้นในช่วงเดือน เมษายนถึงพฤษภาคม และสามารถเกิดขึ้นได้ทั่วไปทั้งประเทศไทยในช่วงฤดูร้อน แต่มักจะมีความรุนแรงมากขึ้นในภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ของประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีอุทยานและทะเลสาบที่มีอุณหภูมิสูง อย่างเช่น เขาใหญ่ กาญจนบุรี แม่สาย ลำปาง เชียงใหม่ เชียงราย และจังหวัดชุมพร นอกจากนี้ยังมีการระบาดของพายุฤดูร้อนที่เกิดจากภาคตะวันออกของประเทศ เช่น จังหวัดระยอง ชลบุรี และระนอง โดยเฉพาะในช่วงเดือนเมษายนถึงพฤษภาคมของทุกปีที่เป็นช่วงที่พายุฤดูร้อนมักจะมีความรุนแรงในหลายพื้นที่
พายุฤดูร้อนส่งผลกระทบอย่างไร
พายุฤดูร้อนในไทยมักเป็นพายุฝนจะส่งผลกระทบต่อการคมนาคม เศรษฐกิจและการเกษตรของประเทศ อีกทั้งยังมีผลกระทบต่อการเดินทางและชีวิตประจำวันของประชาชนด้วย เนื่องจากมีฝนตกหนัก และเกิดน้ำท่วมในทางเดินของรถ และบ้านเรือนเสียหายอันมาจาก ลักษณะพื้นที่ลุ่มของประเทศไทยด้วย ในบางปี พายุฤดูร้อนอาจเป็นพายุที่มีความรุนแรงสูงสุด และสามารถสร้างความเสียหายได้มาก เช่นที่เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2558 ซึ่งเป็นพายุฤดูร้อนที่มีความรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย ทำให้มีผู้เสียชีวิตและทรัพย์สินเสียหายมากมาย
ปัจจัยความรุนแรงของพายุฤดูร้อน
พายุฤดูร้อนไม่มีการจำกัดขนาดของพายุ แต่พายุฤดูร้อนที่มีอุณหภูมิสูงมากและมีระยะเวลายาวนานอาจเป็นอันตรายและมีความรุนแรง พายุฤดูร้อนที่มีความรุนแรงโดยมากมักจะมีลักษณะดังนี้
1.อุณหภูมิสูง: พายุฤดูร้อนที่รุนแรงมีอุณหภูมิสูงกว่าปกติโดยเฉพาะในช่วงเวลากลางวัน อาจสูงถึง 40-45 องศาเซลเซียส ซึ่งอาจส่งผลต่อสุขภาพและความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ
2.ความชื้นสูง: พายุฤดูร้อนที่รุนแรงมักมีความชื้นสูง ทำให้เกิดความร้อนและอึดอัด ซึ่งอาจส่งผลต่อการหายใจและสุขภาพของผู้ป่วยที่มีโรคทางเดินหายใจ
3.พายุที่ก่อให้เกิดฝนตก: พายุฤดูร้อนที่รุนแรงอาจเกิดฝนตกและพายุฝน ฟ้าคะนอง และมีฟ้าผ่าร่วมด้วย ซึ่งอาจทำให้เกิดอุทกภัย เกิดความเสียหาย และอาการการเจ็บป่วยได้
4.ผลกระทบต่ออาชีพและเศรษฐกิจ: พายุฤดูร้อนที่รุนแรงสามารถส่งผลต่ออาชีพและเศรษฐกิจได้ เช่น การเกิดอุทกภัย ความเสียหายต่อทรัพย์สิน สิ่งปลูกสร้าง พืชผลทางการเกษตร
ความแรงของพายุ
โดยทั่วไปพายุมีการแบ่งระดับความรุนแรงตามระบบที่ใช้ทั่วโลกเป็น 5 ระดับ
พายุระดับ 1 (Tropical Storm): มีความเร็วลมประมาณ 63-117 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และมีแรงสูงสุดประมาณ 118-153 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
พายุระดับ 2 (Category 2): มีความเร็วลมประมาณ 154-177 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และมีแรงสูงสุดประมาณ 154-177 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
พายุระดับ 3 (Category 3): มีความเร็วลมประมาณ 178-209 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และมีแรงสูงสุดประมาณ 178-209 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
พายุระดับ 4 (Category 4): มีความเร็วลมประมาณ 210-249 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และมีแรงสูงสุดประมาณ 210-249 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
พายุระดับ 5 (Category 5): มีความเร็วลมมากกว่า 249 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และมีแรงสูงสุดมากกว่า 249 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
พายุฤดูร้อนส่วนใหญ่จัดอยู่ในความรุนแรงระดับไหน
พายุฤดูร้อนจะจัดอยู่ในระดับของพายุระดับ 1
ซึ่งมีความเร็วลมประมาณ 63-117 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และมีแรงสูงสุดประมาณ 118-153 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยทั่วไปแล้วพายุฤดูร้อนในไทยจะไม่เป็นพายุรุนแรงมากนัก แต่ก็สามารถก่อให้เกิดพายุน้ำทะเลสูง และฝนตกหนัก ทำให้เกิดอุทกภัยได้ในบางพื้นที่ที่มีการรายงานในขณะที่เกิดพายุฤดูร้อน
ดังนั้น การเตรียมความพร้อมและระมัดระวังในช่วงฤดูร้อนเป็นสิ่งที่สำคัญ โดยติดตามสถานการณ์และข่าวสารต่างๆ จากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างต่อเนื่อง
การเตรียมการรับมือกับพายุฤดูร้อนเป็นสิ่งที่สำคัญเพื่อป้องกันความเสียหายและความเสี่ยงต่อความปลอดภัยของเราและครอบครัว ดังนั้น การเตรียมการรับมือกับพายุฤดูร้อนเป็นวิธีการที่ดีที่สุด โดยปฏิบัติดังนี้
1.ตรวจสอบระบบระบายน้ำ: ตรวจสอบระบบระบายน้ำในบ้านและอาคาร เช่น ระบบท่อน้ำทิ้ง ท่อระบายน้ำฝน ระบบท่อระบายน้ำฝนบนหลังคา ว่ามีการปิดกั้นหรือเสียหายหรือไม่ และต้องดูแลให้ระบบระบายน้ำทำงานได้อย่างปกติ ป้องกันการเกิดน้ำท่วม หรือน้ำไหลเข้าพื้นที่ภายในบ้าน
2.เตรียมเครื่องมือดับเพลิง: พายุที่เกิดอาจทำให้ไฟฟ้าลัดวงจรและเกิดเพลิงไหม้ได้ โดยสามารถเตรียมเครื่องมือดับเพลิงไว้ในบ้าน เช่น ถังดับเพลิง หรือเครื่องดับเพลิงพกพาเพื่อนำไปใช้งานได้ทุกที่
3.ระวังพื้นที่น้ำท่วม: ในช่วงพายุฤดูร้อน อาจมีน้ำท่วมเข้ามาในบ้านหรือพื้นที่โดยรอบ ควรระวังพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อน้ำท่วม และต้องระวังการเดินทางโดยเฉพาะการขับรถบนทางเรียบหรือถนนที่มีน้ำท่วมขัง
4.เตรียมอาหารและน้ำ: ควรเตรียมอาหารและน้ำให้เพียงพอสำหรับสมาชิกในครอบครัวของเรา ซึ่งบางครั้งพายุที่รุนแรงอาจจะทำให้ร้านค้า หรือร้านอาหารไม่สามารถเปิดจำหน่ายได้ หรือเราไม่สามารถเดินทางเพื่อซื้ออาหารได้อันเนื่องมาจากน้ำท่วม หรือไฟฟ้าดับเป็นวงกว้าง
ท่านสามารถติดตามการเตือนภัยเรื่องพายุฤดูร้อนและสภาพอากาศแปรปรวนได้จาก Link ของกรมอุตุนิยมวิทยาด้านล่าง
https://www.tmd.go.th/warning-and-events/warning-storm